
Apple เปิดตัว iPhone 5 อย่างเป็นทางการ
ในที่สุด iPhone รุ่นใหม่ได้รับการเปิดตัวอย่างเป็นทางการ โดยทาง Apple ได้ตั้งชื่อของสมาร์ทโฟนรุ่นที่ 6 ว่า "iPhone 5" และผู้ที่ได้รับโอกาสให้ทำหน้าที่พรีเซนต์เกี่ยวกับฟีเจอร์และรายละเอียดของสเปคคือ Phil Schiller รองประธานอาวุโสฝ่ายการตลาดแห่งบริษัท Apple ซึ่งเขาได้เริ่มให้รายละเอียดของ iPhone 5 ว่ามีขนาดตัวเครื่องหนา 7.6 มิลลิเมตร น้ำหนัก 112 กรัม ซึ่งนับว่าเป็น iPhone ที่บางและเบาที่สุดเท่าที่ Apple เคยสร้างขึ้นมา และตัววัสดุประกอบเครื่องถูกห่อหุ้มไว้ด้วยกระจกและอลูมิเนียม ซึ่งมีดีไซน์ที่สวยงาม ด้านหลังเป็นแบบทูโทนอย่างที่เคยมีข่าวรั่วไหลออกมาก่อนหน้านี้















"ในที่สุด ก็มีไอคอนแถวที่ 5 ในหน้า homescreen"
ด้วยขนาดหน้าจอแสดงผล 4 นิ้ว (ยาวขึ้น) และความละเอียดหน้าจอ 1136 x 640 พิกเซล ถือเป็นการเปลี่ยนขนาดการแสดงผลจากรุ่นเดิมใน iPhone 4 และ iPhone 4S ไปอย่างสิ้นเชิง และมีการปรับปรุงเทคโนโลยีของระบบสัมผัสในหน้าจอแบบ in-cell โดยฝังเซ็นเซอร์ตรวจจับการสัมผัสเข้าไปไว้ในจอแสดงผล จึงเป็นสาเหตุให้สามารถผลิตเครื่องที่มีความบางลงได้มากเช่นนี้
"SPRINT, VERIZON, AT&T จะรองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายความเร็วสูง LTE ใน iPhone 5"
Apple ยังเผยอีกว่าการใช้เทคโนโลยี LTE ใน iPhone 5 ถูกผนวกเข้าไปในชิปเซตตัวเดียว ซึ่งทำหน้าที่ทั้งเป้นตัวรับ-ส่งคลื่นวิทยุ โดยเสาอากาศสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ LTE ใน iPhone 5 จะสามารถเข้ากันได้กับผู้ให้บริการเครือข่ายความเร็วสูงที่มีอยู่ทั่วโลก ในส่วนของแบตเตอรี่ Apple เผยว่าสามารถใช้งานท่องเว็บเบราว์เซอร์ผ่านเครือข่ายความเร็วสูง LTE ได้ต่อเนื่อง 8 ชั่วโมง
กล้อง 8 ล้านพิกเซล ที่ได้รับการผลิตแบบใหม่ทั้งหมด มาพร้อมกับรูรับแสง f/2.4 และเทคโนโลยี hybrid IR filter ซึ่งจะช่วยให้สามารถบันทึกภาพและถ่ายวิดีโอได้ดีขึ้นในที่ๆ มีแสงน้อย และจะจับภาพได้เร็วขึ้นถึงร้อยละ 40 ทีเดียว ตัวเซ็นเซอร์จะเป็นแบบ backside-illuminated ที่ช่วยลดการสะท้อนแสงเมื่อเข้าสู่เซ็นเซอร์ ทำให้ภาพที่ได้มีความสว่างมากขึ้น นอกจากนี้ Apple ยังได้เพิ่มโหมดถ่ายภาพพาโนราม่าแบบใหม่ ช่วยให้ผู้ใช้ถ่ายภาพพาโนราม่าได้สวยงามและไร้รอยต่อ นอกจากนี้ตัวกล้องหลังยังรองรับการบันทึกวิดีโอที่ความละเอียด 1080p และก็มีกล้องหน้ารองรับ FaceTime HD ที่ความละเอียด 720p
Apple ยังได้แนะนำ dock connector ที่เปลี่ยนโครงสร้างใหม่เป็นพอร์ตแบบ 8 พิน โดยมีความทนทานมากขึ้น และยังสามารถใช้งานร่วมกับพอร์ตเชื่อมต่อแบบเก่า (30 พิน) โดยผ่านตัวแปลง
iPhone 5 จะมีให้เลือกสองสี คือสีดำและสีขาว ซึ่งรุ่น 16GB ถูกตั้งราคาไว้ที่ $199 (6187 บาท + เงื่อนไขสัญญา 2ปี), รุ่น 32GB ถูกตั้งราคาไว้ที่ $299 (9,300 บาท+สัญญา 2 ปี) และรุ่น 64GB ถูกตั้งราคาไว้ที่ $399 (12,400 บาท + สัญญา 2 ปี) โดยจะเปิดให้จองตั้งแต่วันที่ 14 กันยายน และพร้อมจัดส่งตั้งแต่ 21 กันยายนนี้ โดยจะเริ่มต้นในประเทศ สหรัฐ, อังกฤษ, แคนาดา, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, ออสเตรเลีย, ญี่ปุ่น, ฮ่องกงและสิงคโปร์ ส่วนประเทศอื่นๆ จะเปิดให้จองภายหลังตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนเป็นต้นไป