
Review : The Perks of being a Wallflower
"อดีต" คือสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือร้าย ถือว่าเป็นประสบการณ์ชีวิตได้ล่วงเลยผ่านมา แต่คนเราชอบรื้อฟื้นความทรงจำเหล่านั้น จึงเกิดภาพซ้อนที่ทำให้ติดอยู่ในความทรงจำทั้งเรื่องดีและร้าย บางคนคิดถึงสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดี บางคนจมอยู่กับความเศร้า อดีตถึงแม้จะกลับไปแก้ไขไม่ได้แต่เราสามารถนำอดีตมาเป็นบทเรียนไม่ทำผิดพลาดซ้ำอีก
The Perks of being a Wallflower คือภาพยนตร์คัมมิ่งออฟเอจที่ดัดแปลงจากวรรณกรรมเยาวชน และเป็นผลงานเรื่องล่าสุดจากทีมผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง JUNO (จูโน่) อันโด่งดัง โดยหนังเรื่องนี้ได้ 3 นักแสดงวัยรุ่นมากฝีมืออย่าง โลแกน เลอร์แมน รับบท "ชาร์ลี" หนุ่มขี้อาย มีความใฝ่ฝันอยากเป็นนักเขียนแต่ไม่เคยมีเพื่อน เอ็มม่า วัตสัน รับบท "แซม" สาวน้อยมั่นใจในตัวสูง ร่าเริง เธอรู้สึกไร้ค่าตลอดเวลาเมื่ออยู่กับแฟนหนุ่ม และ เอซร่า มิลเลอร์ รับบท "แพทริค" หนุ่มอารมณ์ พร้อมมอบความสุขให้กับทุกคน แต่เขามีปมในใจเรื่องความรักไม่สามารถบอกให้ใครรับรู้ได้
ในโรงเรียนไฮสคูลแสนวุ่นวาย ชาร์ลีเด็กใหม่ไม่มีเพื่อนเลยสักคนเดียว เขานั่งกินข้าวคนเดียวอ่านหนังสือเงียบๆ เพียงลำพัง เขาเป็นคนฉลาด แต่ขี้อายมักจะโดนเพื่อนๆ แกล้ง เป็นประจำ จนได้มาเจอกับแพทริค หนุ่มรุ่นพี่อารมณ์ดีชอบกีฬาอเมริกันฟุตบอลเป็นชีวิตจิตใจ เพราะเขาแอบคบกับหนุ่มหล่อนักกีฬาของโรงเรียน ความสัมพันธ์ของเขาทั้งสองจึงหลบๆ ซ่อนๆ มาโดยตลอด ชาร์ลีได้มาเจอกับแซม สาวน้อยสดใส ร่าเริง เธอตกหลุมรักหนุ่มรุ่นพี่แต่เมื่อเธอได้อยู่กับเขา เขากลับทำให้เธอรู้สึกไร้ค่า ชาร์ลีและแซมมีอดีตแสนเลวร้ายเหมือนกันจึงเข้าใจกันเป็นอย่างดี ด้วยความใกล้ชิดทำให้ชาร์ลีตกหลุมรักแซมถือว่าเป็นรักแรกของชาร์ลีเลยก็ว่าได้ แต่แซมมีแฟนแล้ว เขาได้แต่แอบรักฝ่ายเดียว ชาร์ลีมีความสุขมากที่มีเพื่อนแต่ความสุขของเขาก็ดับลง เมื่อถึงวันที่จะต้องมีการเปลี่ยนแปลงแซมและแพทริคจะต้องไปเรียนต่อมหาลัย ทำให้ชาร์ลีรู้สึกโดดเดี่ยวอีกครั้ง เหมือนอยู่คนเดียวบนโลกใบนี้ เป็นคนมีปัญหาทางจิตอดีตของชาร์ลีฝันร้ายของเขากลับมาหลอกหลอนซ้ำเติมเขาอีก
เรื่องนี้พูดถึงเหตุการณ์ในช่วงวัยวัยรุ่น เมื่อเราโตขึ้นมองย้อนกลับไปว่ามันคือความผิดพลาด แต่ตอนที่เราอยู่ในช่วงวัยรุ่นเราไม่รู้หรอกว่าทำแล้วมันไม่ดีมันจะส่งผลอะไรต่อเราบ้าง เราทำไปเพราะความอยากรู้อยากเห็น ความคึกคะนอง เมื่อผ่านช่วงเหล่านั้นมาหลายคนยังเสียใจกับอดีตที่ล้มเหลว แต่ถ้ายังอยู่กับฝันร้ายนั้นเราจะไม่มีปัจจุบันที่สวยงามเลย เราควรนำอดีตมาเป็นบทเรียนเพื่อก้าวเดินไปข้างหน้า
ในเรื่องนี้โดยส่วนตัวแล้วเราชอบคำถามที่ชาร์ลีถามครูว่า "ทำไมคนเราถึงเลือกคนที่ไม่คู่ควร" ครูตอบว่า "เพราะเขาคิดว่าเขาคู่ควรแล้ว" ก็จริงๆ อย่างที่ครูพูดในวัยรุ่น ทุกคนมักทำอะไรตามใจตัวเอง มีความรักจะเลือกจาก "รักคนที่เรารัก" โดยไม่นึกถึงว่า "เขารักเราหรือไม่" เมื่ออีกคนรักมาก แต่อีกคนกลับไม่รักเลย จึงทำให้เกิดการเลิกลากัน
อีกประโยคหนึ่งแพทริค พูดว่า "ชาร์ลีเธอเหมือนดอกไม้ที่อยู่ในซอกตึก ไม่มีใครเห็นความสวยงามของเธอ แต่วันนี้พวกเราเห็นแล้ว เธอสวยงามจริงๆ" คำนี้เป็นคำสำคัญที่มาของชื่อของหนังเรื่องนี้