ศึกล้างตระกูลระอุ แค้นลูกยิงแม่ดับสยอง

เว็บไซต์คันปาก โดนใจทุกคลิก

ศึกล้างตระกูลระอุ แค้นลูกยิงแม่ดับสยอง

ญาติจำได้มือปืน1ในคู่อริของลูกชายคนตาย ชนวนเหตุเลือดนองมาจากปมทรัพย์สิน-ที่ดิน ทำให้ 2 ตระกูลบาดหมางกันมาตลอด

วันนี้ 7 พ.ค. ร.ต.ท.วรรณโณ  จิตภิบาล ร้อยเวร สภ.ปากน้ำหลังสวน อ.หลังสวน  จ.ชุมพร รับแจ้งยิงกันที่ บ้านเลขที่  57 หมู่ที่ 12 ต.บางมะพร้าว อ.หลังสวน จ.ชุมพร พร้อมด้วย พ.ต.อ.อภินันท์ โกศัลย์วิตร ผกก. และฝ่ายสืบสวนรุดไปตรวจสอบ ในเบื้องต้นพบว่าที่เกิดเหตุ เป็นห้องแถวชั้นเดียว ที่หน้าประตูบ้าน มีเพียงรอยเลือดกองใหญ่และมีผู้บาดเจ็บ 1 ราย ชื่อ นางประทุม บุญประสงค์ อายุ 66 ปี ญาตินำส่ง รพ.ปากน้ำหลังสวน แต่ทนพิษบาดแผลไม่ไหวเสียชีวิตระหว่างทาง โดยถูกยิงด้วยปืนลูกซองที่บริเวณลำคอและหน้าอก กระสุนฝังกระจายบริเวณหน้าอก 8 เม็ด
 
สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นางประทุม กำลังนั่งดูทีวี ภายในบ้านได้มีคนร้าย 1 คน เป็นชายรูปร่างสูง ผิวคล้ำ สวมไอ้โม่ง มาเคาะประตูกระจก เรียกนางประทุมออกไปพูดคุยธุระที่ประตูบ้าน ระหว่างนั้นหลาน ๆ ของนางประทุมนั่งดูโทรทัศน์อยู่ใกล้กัน ได้ยินเสียงนางประทุมพูดเสียงดังว่า “อย่าเล่นกันอย่างนี้” จากนั้นชายนิรินามก็ชักปืนจ่อยิงนางประทุในระยะเผาขน 1 นัดจนล้มฟุบจมกองเลือด  ก่อนคนร้ายเดินหนีไปอย่างใจเย็น  ญาติ ๆ รีบพาส่ง รพ.อลหม่านและเสียชีวิตในเวลาต่อมาดังกล่าว

อย่างไรก็ตามพยานและญาติๆของผู้ตายจำได้แม่นยำว่า คนร้ายเป็น 1 ในคู่อริของลูกชายของนางประทุมและเป็นคู่แค้นมากันยาวนาน จนกลายเป็น “ศึกระหว่างตระกูล” แม้ว่าคนร้ายจะพยายามอำพรางใบหน้าด้วยการสวมหมวกไอ้โม่งก็ตาม โดยสาเหตุเกิดจากพิพาทเรื่องทรัพย์สิน ที่ดิน ที่ไม่สามารถตกลงกันได้ จนผู้ใหญ่มาไกล่เกลี่ยทำให้เลิกมีปัญหากันไปพักใหญ่

ล่าสุดก็เกิดเรื่องพิพาทระอุขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้ลูกชายของนางประทุมออกหน้าไปขัดแย้งกับตระกูลคู่อริอย่างไม่หวั่นเกรง อาจทำให้ฝ่ายตรงข้ามแค้นเคือง สบโอกาสพยายามมาเคลียร์ปัญญากับ นางประทุม แต่นางประทุมคงไม่ยินยอมและเข้าข้างบุตรชาย สร้างความโมโหให้คู่อริ ชักปืนกระหน่ำยิงสางแค้นก่อนหลบหนีไป ซึ่งเจ้าหน้าที่จะติดตามจับกุมดำเนินคดีต่อไป.

โดย : แครอต
อัพเดท : 07-05-56, 13:29 น.
ที่มา :

อาชญากรรมล่าสุด
ดูข่าวอาชญากรรมทั้งหมด
นโยบายการใช้งาน
Copyright © 2015 KhanPak.com. All Rights Reserved.
ติดต่อเรา : 02-8779346, 086-3788812 (จ.-ส. เวลา 8.30-17.30)