
ดีเอ็นเอชัด แต่แม่ปลอมยังไม่ยอมรับ ขุดรกฝังดินให้ตำรวจ อ้างคลอดที่บ้าน
ภาพนางอนงค์ นายโชคชัย และ น้องมิ่งเกต
(ภาพจาก เฟซบุ๊ก Supap Puttapunyo)
จากกรณีนายโชคชัย บุญวิเศษ และ นางอนงค์ วาทิคุณ สามีภรรยาแจ้งความว่า ลูกสาวซึ่งเพิ่งคลอดที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด ได้ถูกลักพาตัวหายไป ซึ่งต่อมาพบหญิงต้องสงสัยคือ น.ส.รจนา อายุ 30 ปี นำทารกมาแจ้งคลอดที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดธนบุรี อ้างว่าคลอดลูกที่บ้าน แต่ทารกกลับมีการถูกตัดสายสะดือและเย็บอย่างเรียบร้อยเหมือนถูกทำที่โรงพยาบาล นอกจากนี้กรุ๊ปเลือดของเด็กก็ไม่ตรงกับผู้ต้องสงสัย แต่ตรงกับพ่อแม่ที่แจ้งลูกหาย จึงได้มอบเด็กคืนให้กับทั้งสองคน
ด้าน น.ส.รจนา อายุ 30 ปี ผู้ต้องสงสัยคดีลักเด็กยังคงรักษาตัวที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ด หลังกลับจากตรวจดีเอ็นเอ แล้วแจ้งว่าตกเลือดเนื่องจากการตั้งครรภ์ แต่เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดไม่พบการตั้งครรภ์ เลือดที่ออกมาน่าจะเป็นประจำเดือนหรือกินยาขับเลือด โดยแพทย์ให้ออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา และได้มีการขออนุมัติจากศาลจังหวัดร้อยเอ็ดออกหมายจับ นางสาวรจนา อายุ 30 ปี มาดำเนินคดี ในข้อหาพรากเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ไปจากบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแลโดยไม่มีเหตุอันควร
ต่อมาพนักงานสอบสวนได้เดินทางไปนำหมายจับไปให้ผู้ต้องหาเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาต่อหน้าทนายความทั้ง 2 ฝ่าย และสามีผู้ต้องหา แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธการเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา และไม่ขอให้ถ้อยคำใดๆ โดยอ้างว่าสุขภาพไม่พร้อมและปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และจะให้การเมื่อมีความพร้อมหรือให้การในชั้นศาลเท่านั้น
หลังจากให้การกับตำรวจแล้ว นางไข่มุก แม่สามีของ น.ส.รจนา ได้พาพนักงานสอบสวนไปขุดเอารกของเด็กที่ฝังไว้ที่บ้านมายืนยัน มาแสดงเป็นหลักฐานว่ามีการคลอดลูกจริง ไม่ได้ลักลูกคนอื่นมาแต่อย่างใด
ทางด้าน พล.ต.ต.ยงเกียรติ มนประณีต ผบก.ภ.จว.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า ในส่วนของการดำเนินคดีกับผู้ก่อเหตุลักเด็กนั้น จะว่าไปตามขบวนการตามกฏหมาย ที่จะต้องเอาตามข้อมูลพยานหลักฐานที่เชื่อมโยงถึง เพราะลักษณะเหมือนมีการวางแผนไว้ในทุกขั้นตอน รวมทั้งสิ่งที่ผู้ต้องหาและสามีและญาติ ได้ร่วมกันอ้างว่า เป็นรกของเด็ก ก็จะถูกส่งตรวจเพื่อความชัดเจนด้วยว่าคืออะไร รวมทั้งการสอบสวนหาสาเหตุที่แท้จริงของการลักเด็กครั้งนี้ด้วย
ในเบื้องต้นจะแจ้งความดำเนินคดี น.ส.รจนา แต่เพียงผู้เดียวก่อน และหากสอบสวนไปพบว่าสามี คือ นายนเรศ และนางไข่มุก ที่เป็นแม่สามี มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ก็จะออกหมายจับ นำตัวมาดำเนินคดีต่อไปด้วย
ด้านนายนเรศ อายุ 29 ปี สามีของผู้ต้องหา กล่าวว่า เหตุที่ตนไม่ยอมให้ภรรยาเซ็นเอกสาร เนื่องจากตนไม่ยอมรับผลการตรวจดีเอ็นเอที่เดินทางไปตรวจที่ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 3 จ.นครราชสีมา เนื่องจากตนเชื่อว่ามีการพยายามทำการเปลี่ยนแปลงผลการตรวจดีเอ็นเอของตนทั้ง 2 คน ให้ไม่ตรงกับเด็ก ดังนั้นไม่ว่าผลออกมาอย่างไร ก็จะไม่ยอมรับผลการตรวจจากนครราชสีมา และแจ้งให้ทนายความทำคำร้องถึงพนักงานสอบสวนและโรงพยาบาล ขอให้มีการทำการตรวจดีเอ็นเอของตนและเด็กอีกครั้ง โดยขอไปตรวจที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ที่กรุงเทพฯ เพื่อให้เกิดความชัดเจนอีกครั้งจึงจะยอมรับ ซึ่งการเดินทางและค่าใช้จ่ายจะออกเองทั้งหมด
sanook
มติชนออนไลน์