
โรคอันตรายจากยุงตัวร้าย อาจคร่าชีวิตลูกน้อย...
ช่วงนี้ไข้เลือกออกกำลังระบาด ทุกบ้านเข้าใจกันดีว่า ไข้เลือดออกจะมียุงลายเป็นพาหะนำโรค และที่เป็นข่าวครึกโครมก็คงจะหนีไม่พ้น และสิ่งที่น่ากังวลยิ่งกว่าคือ อาการที่บางครั้งอาจจะสังเกตได้ยากหากไม่พบตุ่มแดงขึ้นตามลำตัว หรือผิวหนัง โดยเฉพาะในเด็กเล็ก บางครั้งแทบดูไม่ออกเลยว่าลูกเป็นอะไรกันแน่ มาดูกันว่าจะมีอะไรที่ทำให้เราสังเกตลูกได้บ้าง
สาเหตุการเป็นไข้เลือดออก
เกิดจากเชื้อไวรัส ที่อยู่ในตัวยุงลาย เมื่อยุงตัวที่มีเชื้อไข้เลือดออกไปกัดเด็ก เด็กก็จะได้รับเชื้อไข้เลือดออกมาทันที ความรุนแรงมากน้อยขึ้นอยู่กับสายพันธุ์ของไวรัสชนิดนี้
อาการไข้เลือดออก
เด็กมีไข้สูง ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยตามตัว สองวันแรกอาจไอมีนํ้ามูก สิ่งสำคัญเด็กจะมีจุดจํ้า ๆ เล็ก ๆ ตามตัว เหมือนเอาปากกาแดงจิ้มบนผิวหนัง ถ่ายเป็นเลือดปวดท้อง จำเป็นต้องมาโรงพยาบาลทันที
การรักษาไข้เลือดออก
-ไม่มียาเฉพาะ รักษาตามอาการ พยายามให้เด็กดื่มน้ำมาก ๆ หรือน้ำเกลือแร่ ถ้ามีความสงสัย ว่าไข้ยังสูง มีตัวแดง เกิดในหน้าฝน ต้องรีบนำไปเทสต์ทันที
-ห้ามให้เด็กรับประทานยา แอสไพริน หรือยาแก้อักเสบอื่น ๆ เพราะอาจทำให้เลือดออกในกระเพาะได้ ถ้าไข้ไม่ลง ให้เช็ดตัว และให้พาราเซตามอล ในกรณีที่ไข้ไม่ยอมลง ให้หมั่นเช็ดตัว อย่าให้พาราเซตามอลเกินขนาด
การป้องกันไข้เลือดออก
1. ระวังไม่ให้ถูกยุงกัด โดยให้เด็กนอนในห้องที่มีมุ้งลวด หรือมีมุ้งครอบตัวเด็ก
2. ทำลายแหล่งเพาะพันธุ์ยุง ควรปิดฝาภาชนะใส่น้ำให้มิดชิดเพื่อไม่ให้ยุงลายลงไปวางไข่หรืออาจใส่ทรายลงในภาชนะใส่น้ำเพื่อกำจัดลูกน้ำก็ได้
3. เด็กที่ป่วยเป็นโรคไข้เลือดออกในระยะ5 วันแรกของโรค(ซึ่งเป็นระยะที่มีเชื้อไวรัสอยู่ในกระแสเลือด) ไม่ควรให้ถูกยุงกัด เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่น
4. วัคซีนป้องกันโรคขณะนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาวิจัยไม่มีใช้ในปัจจุบัน
Photo credit: amarinbabyandkids.com
บทความแนะนำ
รู้ทัน อันตรายของโรคไข้เลือดออก
“ไข้เลือดออก” ในลูกน้อยอาจอันตรายถึงชีวิต!!!
mamaexpert