
พ่อแม่ควรรู้... ลูกน้อยจำเป็นต้องฉีดวัคซีนอีสุกอีใสไหม?
อีสุกอีใส หลายๆคนเรียกสั้นๆว่า สุกใส เป็นโรคที่ไม่มีใครอยากพบเจอเลยเพราะมีอาการน่ากลัวโดยเฉพาะรอยแผลเป็นจากตุ่มพุพอง แต่โดยธรรมชาติแล้วแต่ละคนต้องได้รับเชื้อนี้อย่างน้อย 1 ครั้ง เมื่อเป็นแล้ว โอกาสเกิดซ้ำน้อยมากๆ เพราะร่างกายได้มีภูมิคุ้มกันแล้ว อีสุกอีใส เกิดจากเชื้อ Varicella Zoster Virvs ทำให้เกิดผื่นลักษณะพุพองที่ผิวหนัง และน้ำจากตุ่มพองนั้นเมื่อนำไปตรวจจะพบเชื้อจำนวนมากซึ่งสามารถติดผู้อื่นได้ หลายคนสงสัยว่า มีวัคซีนป้องกันอยู่จะกลัวอะไร แต่อีกหลายคนกลับมองว่า เป็นวัคซีนสิ้นเปลืองฉีดแล้วก็ไม่ 100% ความเป็นจริงคุณแม่จำเป็นต้องจ่ายค่าวัคซีนตัวนี้มากน้อยแค่ไหนกัน เรามาทำความรู้จักกับวัคซีนอีสุกอีใสให้มากขึ้นกันค่ะ
วัคซีนอีสุกอีใส
วัคซีนอีสุกอีใสเป็นวัคซีนผงแห้งที่เตรียมมาจากเชื้อไวรัสอีสุกอีใสซึ่งยังมีชีวิตแต่ทำให้อ่อนฤทธิ์ลง ใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง การฉีดแบ่งตามความเหมาะสมของช่วงอายุดังนี้
1.ช่วงอายุ 1-12 ปี ฉีด 1 เข็ม
2.ช่วงอายุ 13 ปีขึ้นไปฉีด 2 เข็ม โดยเข็มที่ 1 ต้องห่างจากเข็มที่2 เป็นเวลา 4 – 8 สัปดาห์
3.กุมารแพทย์บางโรงพยาบาลแนะนำให้ฉีกช่วงอายุ 10 ปีขึ้นไปเพื่อให้มีโอกาสติดเชื้อโดยธรรมชาติในช่วงอายุน้อย ๆ ซึ่งมักมีอาการไม่รุนแรงก่อน และเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีภูมิคุ้มกันได้ตลอดชีวิต
อาการข้างเคียงหลังฉีดวัคซีนอีสุกอีใส
1. อาการเจ็บปวดเฉพาะที่
2. มีผื่นขึ้นหรือตุ่มใสๆคล้ายๆกับที่พบในคนที่เป็นไข้อีสุกอีใส ไม่มาก พบได้หลังฉีกวัตซีน 5 – 10 วันไปแล้ว
3. มีไข้
ใครบ้างที่ควรฉีดวัคซีนป้องกันอีสุกอีใส
1. ทุกวัยสามารถเข้ารับวัคซีนป้องกันอีสุกอีใสได้เลย แต่ทางการแพทย์เห็นว่า การให้ในเด็กที่มีอายุ 10 ปีขึ้นและไม่เคยเป็นอีสุกอีใสหรืองูสวัดมาก่อน ไปจะให้ผลคุ้มค่ากว่าเพราะในช่วงอายุดังกล่าวพบว่ามักมีอาการรุนแรงกว่าช่วงวัยเด็กเล็ก
2. ผู้ป่วยเด็กที่เป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวควรฉีดวัคซีนสุกใสในช่วงที่มีสุขภาพแข็งแรง
3. ในผู้ติดเชื้อเอชไอวี แนะนำให้ฉีดวัคซีนอีสุกอีใสในช่วงที่มีสุขภาพทั่วไปดี
ข้อควรระวังในการฉีดวัคซีนอีสุกอีใส
1.ห้ามฉีดในคุณแม่ตั้งครรภ์ ส่งผลต่อความพิการของทารกในครรภ์ได้ ควรฉีกก่อนตั้งครรภ์อย่างน้อย 3 เดือน
2.ห้ามฉีกในคุณแม่ให้นมบุตร
3.ห้ามฉีดขณะที่มีไข้สูงหรือเจ็บป่วยเฉียบพลัน
4.ห้ามฉีดในคนที่แพ้ยานีโอมัยซิน
5.ห้ามฉีดในผู้ป่วยที่ได้รับการให้เลือดหรือภัณฑ์ของเลือด และอิมมูโนโกลบุลิน ต้องแจ้งแพทย์เพื่อพิจารณาความเหมาะสมเสียก่อน
Photo credit: health.kapook.com
บทความแนะนำ
ส่าไข้ต่างจากหัดและอีสุกอีใสอย่างไร?
วิธีป้องกันโรคอีสุกอีใสที่จะเกิดขึ้นในเด็ก
mamaexpert