
พ่อแม่ควรใส่ใจ โรคอันตรายที่พบบ่อยในเด็ก
สำหรับเด็กแล้วโรคเหล่านี้เด็กทุกคนส่วนใหญ่ชอบเป็นกัน และคงหนีไม่พ้นคนที่หนักใจมากที่สุดนั่นก็คือ พ่อแม่อย่างเรานี้เอง เพราะด้วยความกังวลต่าง ๆ นา ๆ กลัวลูกจะเป็นหนัก ลองมาดูโรคในเด็กที่พ่อแม่ควรระวังค่ะ
1. โรคหวัด
หวัดมีหลายชนิดแต่พ่อแม่ไม่ต้องตกใจเพราะระบาดไปตามฤดู บางสายพันธุ์บางชนิดจะดุหน่อย เช่น เชื้อไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus) ที่หลายคนค่อนข้างจะตกใจกลัวกัน แต่ที่จริงแล้วสำหรับเด็กที่มีอาการหอบหืดอยู่แล้วหรือมีพื้นฐานหลอดลมไม่แข็งแรงพอ เมื่อเป็น RSV ก็จะมีเสมหะมาก หายใจลำบาก บางครั้งจะลุกลามกลายเป็นโรคปอดบวม ซึ่งสิ่งสำคัญที่สุดคือ พ่อแม่ต้องสังเกตอาการลูก
2. โรคท้องเสีย
โรคที่นอกจากจะเกี่ยวพันกับเรื่องของสุขอนามัยแล้ว ยังมีไวรัสบางตัวที่แพร่กระจายตามฤดูกาลอย่างโนโรไวรัสและโรต้าไวรัสด้วย ซึ่งปัจจุบันมีวัคซีนสำหรับโรต้าไวรัสแล้ว ช่วยลดอัตราการเจ็บป่วยได้พอสมควร แต่วัคซีนสำหรับโนโรไวรัสยังไม่มี ทั้งนี้ถ้าลูกมีอาการท้องเสียอย่างหนัก ในเบื้องต้นต้องเช็กเสียก่อนว่ามีอาเจียนร่วมด้วยหรือท้องเสียเพียงอย่างเดียว จากนั้นมาดูกันต่อว่าลูกมีอาการอย่างไรบ้าง ถ้ายังเล่นได้ร่าเริงกินได้เป็นปกติมีถ่ายเหลวๆบ้างแบบนี้ไม่น่าห่วง รอดูอาการไปก่อนแล้วปรับเปลี่ยนให้ดื่มนมหรือน้ำผลไม้น้อยลงแล้วให้กินอาหารที่ย่อยง่ายปรุงสุกสะอาดอย่างข้าวต้ม หรือใช้เกลือซองโออาร์เอสเข้ามาเสริมน้ำที่ลูกเสียไป ซึ่งสามารถใช้ได้ทั้งเด็กเล็กและเด็กโตด้วยการชง 1 ซองผสมน้ำเปล่า 5 ออนซ์ ไม่ควรให้ดื่มน้ำเปล่าอย่างเดียว อาการอาจแย่ลงกว่าเดิมได้
แต่ถ้าเราหาเกลือโออาร์เอสไม่ได้ ลองใช้น้ำมะพร้าวอ่อนแทน หรือเครื่องดื่มเช่น สไปรท์ เพราะเวลาที่เราอาเจียนหรือท้องเสียถ่ายเหลวเป็นน้ำร่างกายจะสูญเสียทั้งเกลือแร่และพลังงานเราจึงควรให้น้ำตาลและเกลือควบคู่กันเพื่อช่วยการดูดซึมของน้ำที่สูญเสียระดับโซเดียมของเกลือไปเยอะ
3. โรคไข้เลือดออก
ปีนี้ไข้เลือดออกค่อนข้างรุนแรง มีคนเสียชีวิตมากมายเพียงแต่ไม่เป็นข่าว แต่ไม่ได้หมายความว่าไข้เลือดออกเกิดการกลายพันธุ์ ไข้เลือดออกยังคงเป็นสายพันธุ์เดิมเพียงแต่คนไข้มีโอกาสช็อคได้ง่าย หลังจากช็อคก็ทำได้เพียงรักษาอวัยวะส่วนต่างๆ ที่เสียไปจากอาการช็อคเท่านั้น ซึ่งอาการช็อคก็เหมือนแผ่นดินไหวซึ่งมักจะมาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว การเฝ้าระวังไม่ให้ผู้ป่วยโรคไข้เลือดออกเกิดอาการช็อคจึงมีความสำคัญมากทีเดียว
4. โรคอ้วน
โรคนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากกรรมพันธุ์ แต่ส่วนมากเกิดจากค่านิยมผิดๆ ที่ว่าเด็กกินได้ยิ่งเยอะยิ่งดี พยายามผลักดันลูกตลอดเวลา กินแค่นี้ไม่พอ ต้องกินให้เยอะกว่านี้ เด็กก็พยายามกินเข้าไปจนอ้วกออกมา แต่จะกินแบบไหนถึงเรียกว่าพอดี ในทางการแพทย์จึงได้มีตารางการเจริญเติบโตของเด็กออกมา นอกจากนี้เด็กในยุคปัจจุบันไม่ค่อยออกกำลังกาย ทำไม่นานก็เบื่อ ซึ่งตรงนี้คุณพ่อคุณแม่และผู้ปกครองต้องพาเด็กมาเล่นกิจกรรมกลางแจ้งกันให้มากๆอย่างจริงจังไม่ใช่แค่แป๊บเดียวก็เลิกเล่น
Photo credit: bloggang.com
บทความแนะนำ
โรคอันตรายในหน้าฝน ที่พ่อแม่ควรสังเกตอย่างใกล้ชิด...
โรคอันตรายจากยุงตัวร้าย อาจคร่าชีวิตลูกน้อย...
amarinbabyandkids