
4 สิ่งที่เราไม่มีโอกาสได้เห็นอีกแล้ว จากงานพระบรมศพ
พิธีพระบรมศพพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เป็นพิธีที่ชาวไทยยุคนี้จะไม่เคยเห็นกัน ไม่ทราบลำดับหรือการปฏิบัติตน เมื่อมีพิธี ด้วยการที่มีการเปิดรับธรรมเนียมใหม่ๆ จากตะวันตกมาก พระมหากษัตริย์หลายพระองค์ได้ทรงเปลี่ยนแปลงยกเลิกหลายธรรมเนียมในการพระราชพิธีพระบรมศพไป ด้วยเหตุว่าธรรมเนียมนั้นหมดความจำเป็นหรือถูกมองว่า “ล้าสมัย” นั่นเอง และ 4 สิ่งที่หายไปจากงานพระบรมศพยุคใหม่ มีดังต่อไปนี้
1. โกนหัวไว้ทุกข์
เป็นธรรมเนียมตั้งแต่ในยุคสมัยอยุธยา เชื่อกันว่าสืบทอดมาจากธรรมเนียมประเพณีของอินเดียอีกที ที่ประชาชนจะโกนศีรษะไว้ทุกข์เมื่อญาติผู้ใหญ่หรือมูลนายของตนเสียชีวิต เมื่อพระมหากษัตริย์สวรรคต จึงเป็นหน้าที่ของทุกคนที่ต้องโกนผมไว้ทุกข์ เว้นแต่จะมีพระบรมราชโองการให้เป็น
แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชปรารภว่า ควรให้ราษฎรเลิกโกนศีรษะเพื่อไว้ทุกข์ เนื่องจากเป็นการยากลำบากเกินไป
2. นุ่งขาว นุ่งน้ำเงิน
ธรรมเนียมการแต่งกายไว้ทุกข์ด้วยสีดำ เป็นสิ่งที่ไทยรับมาจากตะวันตก เดิมสีไว้ทุกข์ของไทยไม่ใช่สีดำเพียงสีเดียว แต่มีรายละเอียดสลับซับซ้อนมาก สีจะบ่งบอกถึงสถานะและความสัมพันธ์ระหว่างผู้เสียชีวิตและผู้แต่งกาย ได้แก่
– สีดำ สำหรับผู้ที่แก่กว่าหรือมีศักดิ์สูงกว่าผู้ตาย
– สีขาว สำหรับผู้ที่อ่อนกว่าหรือมีศักดิ์ต่ำกว่าผู้ตาย
– สีม่วงแก่หรือสีน้ำเงิน สำหรับผู้ที่ไม่ได้เป็นญาติเกี่ยวดองกับผู้ตาย
ในการพระราชพิธีพระบรมศพพระมหากษัตริย์ ผู้ที่มีศักดิ์สูงสุดในแผ่นดิน ราษฎรจะต้องนุ่งขาวห่มขาวทั้งหมดเพื่อไว้ทุกข์ ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้ตัดความยุ่งยาก โดยเหลือเพียงสีขาวและสีดำในการไว้ทุกข์เท่านั้น แต่การไว้ทุกข์ให้พระมหากษัตริย์ยังคงใช้สีขาว ปัจจุบันการแต่งกายไว้ทุกข์ของไทยเป็นไปตามธรรมเนียมสากลแบบตะวันตกคือ เน้นสีดำและสีขาวดำมากกว่าขาวล้วนเหมือนในอดีต และนอกจากนี้สีน้ำเงินยังไม่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสีไว้ทุกข์อย่างเป็นทางการอีกด้วย
3. นางร้องไห้
นางร้องไห้ เป็นธรรมเนียมเก่าแก่ที่ยึดถือปฏิบัติมานานตั้งแต่สมัยโบราณ พบได้แทบทุกวัฒนธรรมทั่วโลก อาทิเช่น ประเทศจีน อินเดีย มอญ กรีก โรมัน ออสเตรเลีย และไทย ราชสำนักไทยมีธรรมเนียมนางร้องไห้เฉพาะในงานพระบรมศพของราชวงศ์ชั้นสูง สำหรับพระมหากษัตริย์ จะมีท้าวนาง เจ้าจอม หรือนางข้าหลวงที่เสียงดีและหน้าตาสวยงาม ได้รับคัดเลือกให้เป็นนางร้องไห้กล่อมพระเมรุ
แต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงบันทึกไว้ในหนังสือประวัติต้นรัชกาลที่ 6 เกี่ยวกับนางร้องไห้ว่า “ให้รู้สึกรกหูเสียจริงๆ และร้องซ้ำไปซ้ำมา ไม่เป็นการร้องไห้จริงๆ กับทั้งยังส่งเสียงรบกวนเวลาที่พระกำลังถวายพระธรรมเทศนา” รวมไปถึงทรงไม่พอพระทัยความประพฤติของผู้ที่ไปฟังและตัวของนางร้องไห้เอง ที่แสดงกิริยาขาดความเคารพในกาลเทศะ เหมือนไปสโมสรกันมากกว่าจะสำรวมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ รัชกาลที่ 6 ได้ทรงบันทึกไว้อย่างชัดเจนว่าเมื่อ “ถึงงานศพฉันขออย่าให้มีนางร้องไห้เลย” เมื่อสวรรคต ธรรมเนียมนางร้องไห้จึงถูกยกเลิกไปโดยปริยาย
4. การถวายรูด-ถวายพระเพลิงพระบุพโพกลางแจ้ง
การจัดการพระบรมศพให้สมพระเกียรติสมัยก่อนเป็นเรื่องยากลำบาก เพราะวิทยาการการแพทย์และการเผาศพยังไม่ทันสมัย การออกพระเมรุจะกระทำได้เฉพาะในหน้าแล้ง หากสวรรคตในหน้าฝน จะต้องเก็บพระบรมศพไว้นาน ในเมื่อสมัยก่อนไม่มีน้ำยารักษาสภาพศพ การจัดการพระบรมศพให้สมพระเกียรติจึงมีขั้นตอนซับซ้อน ต้องมีการสุมเครื่องหอมดับกลิ่นพระบุพโพ (น้ำเหลืองน้ำหนอง) ตลอดงาน และต้องเจาะช่องบรรจุถ้ำเก็บพระบุพโพใต้ฐานพระโกศที่ประดิษฐานพระบรมศพ และมีมหาดเล็กคอยเทพระบุพโพตลอดเวลา เมื่อถึงเวลาถวายพระเพลิง ก็ต้องเคี่ยวพระบุพโพในกะทะใบบัว แยกกับการถวายพระเพลิงบนพระเมรุ เป็นที่เล่าขานกันว่ากลิ่นการถวายพระเพลิงพระบุพโพนั้น เหม็นอย่างร้ายกาจ
ต่อมาในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงยกเลิกการถวายพระเพลิงพระบุพโพกลางแจ้งด้วยวิธีการเคี่ยว เนื่องจากดูไม่มีอารยะ โดยเปลี่ยนเป็นการนำพระบุพโพของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวบรรจุในลองเหล็กกล้า ประดิษฐานใต้พระพุทธชินราชจำลองในวัดเบญจมบพิธแทน หลังจากนั้นก็ไม่มีการถวายพระเพลิงพระบุพโพกลางแจ้งอีก แต่ใช้วิธีเผาในเตาเผาแบบสมัยใหม่
เช่นเดียวกับการถวายรูด ซึ่งหมายถึงการสำรอกเนื้อหนังมังสา เส้นเอ็นจากกระดูกโดยการต้มเคี่ยว เพื่อ “ชำระ” เตรียมการถวายพระเพลิงพระบรมศพ ก่อนจะนำสิ่งที่ชำระ พร้อมกับผ้าพันพระบรมศพไปรวมถวายพระเพลิงพระบุพโพ อันเนื่องจากสมัยก่อนไม่มียารักษาศพ ปัจจุบันไม่มีธรรมเนียมนี้อีกต่อไป เพราะมีการฉีดฟอร์มาลีน ทำให้พระมังสาแห้งติดกับพระบรมอัฐิ มีสภาพสมบูรณ์ ไม่ต้องชำระ การถวายรูดครั้งสุดท้ายมีในงานพระราชพิธีพระบรมศพสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า
บทความแนะนำ : พระราชาของฉัน ผู้ไม่เคยถือตัว
campus-star